หรูหราสะดวกสบายและการออกแบบที่มีคุณภาพใน 8 อพาร์ตเมนท์ใหม่ในใจกลางของกรุงมาดริด เป็นอพาร์ตเมนท์ที่หรูหราปฏิรูปการออกแบบโดย A-cero อาคารเก่า 4 ชั้น เงื่อนไขดังกล่าวอพาร์ตเมนท์เหล่านี้ ทรัพย์สินของกลุ่ม VP โรงแรมที่ได้ถูกเช่าก่อนที่จะถูกติดตั้งอย่างสมบูรณ์.
ในแต่ละระดับบ้านที่มีพื้นผิวที่มีขนาดใหญ่กว่า 185m2 เพ้นท์เฮาส์เป็นบ้านที่ใหญ่ที่สุดของอาคาร บ้านแต่ละหลังมีการกระจายที่แตกต่างกัน แต่ทุกคนมีห้องพักดังต่อไปนี้ มากกว่า 4 ห้องนอนพร้อมห้องน้ำในตัว, ห้องครัว, เลานจ์ ห้องรับประทานอาหาร พื้นที่สาธารณูปโภคและ Toilette อพาร์ตเมนท์ที่ใหญ่ที่สุด.
เรียบเรียงข้อมูล @ ฟรีแปลน
Architects: A-cero Joaquín Torres Architects
Location: Madrid, Spain
Director in Charge: Joaquín Torres
Partner Architect: Rafael Llamazares
Promotor: Grupo VP Hotels
Construction: Tilmon
Project Year: 2009-2010
Photographs: Luis H. Segovia
มองหาแนวคิดสำหรับบ้านของคุณ และการสำรองข้อมูลในเว็บไซต์ของฉัน Looking for ideas for your home. And data backup in My website.
วันอังคารที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2556
จัดฮวงจุ้ยในจิตใจ รับมือกับความเครียด
ความเครียดคือศัตรูตัวฉกาจที่เราสร้างขึ้นมาทำลายตัว
เองโดยไม่รู้ตัว
ยิ่งในสังคมปัจจุบันด้วยแล้วสารพัดปัญหาที่เข้ามารุมล้อมชีวิตก่อเกิดเป็น
พลังชี่แห่งความเครียดอยู่ภายในสิ่งแวดล้อม ลองมองไปรอบๆ
ตัวแล้วเปรียบเทียบดูสิว่าในแต่ละวันเราเจอคนหน้านิ่วคิ้วขมวดกี่คน
และคนยิ้มแย้มแจ่มใสสักกี่คน หรือใช้ตัวอย่างใกล้ตัว
ลองส่องกระจกดูหน้าตัวเอง รูป “โบ” ที่ผูกอยู่ที่หว่างคิ้ว
และความเหนื่อยล้าที่สะท้อนออกมาจากดวงตาเป็นสิ่งบ่งชี้ถึงความเครียดที่
เห็นได้ชัดที่สุด การจะเอาชนะความเครียด ใครๆ อาจว่ายาก
เพราะรอบตัวเรามีแต่สิ่งเร้าที่ทำให้เครียดได้ทุกเรื่อง แต่จริงๆ
แล้วมีหลักการไม่กี่ข้อที่ทุกคนเข้าใจกันดีอยู่แล้ว
แต่น้อยคนนักที่จะลองนำมาปฏิบัติดู
หมั่นสำรวจตัวเอง
การทำเช่นนี้จะทำให้เรารู้ถึงระดับความเครียดที่กดดันอยู่ภายในตัว
ลองหาต้นตอของสิ่งที่ทำให้เครียดแล้วจดใส่กระดาษไว้
แล้วเราจะพบว่าความเครียดทั้งหลายแหล่ที่ยาวเป็นหางว่าวนั้น
เกิดจากสาเหตุสำคัญๆ 3 ประการ คือ
1.ผู้คนรอบข้างที่ทำให้เกิดความเครียดทางอารมณ์
2.สถานการณ์ต่างๆ ที่ทำให้เกิดความเครียดทางร่างกาย
3.รูปแบบชีวิตที่ทำให้เกิดความเครียดทางจิตใจ
เมื่อพิจารณาสาเหตุสำคัญที่ก่อเกิดความเครียดแล้ว ก็จะเห็นว่าแท้ที่จริงแล้วจิตใจนั่นเองที่เป็นรากเหง้าของความเครียด เราไม่สามารถเปลี่ยนพฤติกรรมของคนอื่นได้ ไม่สามารถเปลี่ยนเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้ และไม่สามารถเปลี่ยนสถานการณ์ที่เผชิญอยู่ได้ แต่เราสามารถเปลี่ยนทัศนคติและวิธีการตอบสนองของตัวเองต่อสิ่งนั้นๆ ได้ หารากของความเครียดให้เจอ ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกผิด ความกดดัน การถือตัวเองเป็นใหญ่ ความถือทิฐิ ความทะเยอทะยาน ความน้อยเนื้อต่ำใจ และความกลัว ทั้งหมดนี้ล้วนเกิดจากจิตใจที่ปรุงแต่งขึ้นทั้งสิ้น
ต่อไปนี้คือหลักการ 5 ในการกำจัดความเครียดออกจากจิตใจ
ข้อแรก ฝึกสร้างความสงบนิ่งขึ้นในจิตใจ ซึ่งสามารถทำได้โดยชะลอการตอบสนองของเราต่อคนรอบข้าง เหตุการณ์ หรือสถานการณ์ต่างๆ ที่ทำให้เครียด ฝึกตอบสนองต่อเรื่องต่างๆ เหล่านี้ให้ช้าลง ยกตัวอย่างเช่น เมื่อเกิดความวิตกกังวลจนอยากจะตอบสนองต่อสิ่งนั้นๆ ออกไปในทันที ให้นั่งนิ่งๆ แล้วนับ 110 สงบสติอารมณ์ และให้เวลากับตัวเองที่จะคิดพิจารณาปัญหาต่างๆ อย่างรอบคอบก่อน
ข้อสอง ฝึกปรับเปลี่ยนสิ่งร้ายๆ ต่างๆ ที่เข้ามาในชีวิต ยกตัวอย่างเช่น การเปลี่ยนทัศนคติของตนเองที่มีต่อคนที่มาทำให้เกิดความเครียด คิดเสียว่าคนที่สร้างปัญหาทำให้เรามีโอกาสได้ฝึกความอดทนอดกลั้น สิ่งนี้จะช่วยยกระดับการกำหนดรู้ทางจิตใจ สติปัญญา และจิตวิญญาณขึ้นมาพร้อมๆ กัน แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเห็นผลในทันที ทุกอย่างต้องใช้เวลา และความอดทน
ข้อสาม ฝึกวิธีผ่อนคลายทางร่างกาย เริ่มจากการฝึกหายใจเข้าออกลึกๆ ฝึกกายบริหารง่ายๆ ฝึกปฏิบัติโยคะ หรือชี่กง อย่างง่ายๆ หรือฝึกกายบริหารที่ทำให้ได้ยืดเส้นยืดสายเพื่อผ่อนคลายความเจ็บปวดเมื่อย ล้าทางร่างกาย แล้วระดับความเครียดจะลดลงไปพร้อมๆ กับร่างกายที่ผ่อนคลาย หรืออาจใช้วิธีการบำบัดเพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อรูปแบบต่างๆ เช่น การนวดตัวด้วยน้ำมันหอม การกดจุดนวดเท้า เป็นต้น เมื่อเราดูแลร่างกายแล้ว ก็เท่ากับได้ดูแลจิตใจด้วย
ข้อสี่ สร้างทัศนคติที่ดีด้วยการคิดถ้อยคำสั้นๆ ที่ทรงพลังและเป็นไปในแง่บวก เพื่อกระตุ้นความมั่นใจและกำลังใจให้เกิดขึ้นในตัว เขียนข้อความดีๆ เหล่านั้นแล้วนำไปติดไว้ตามที่ต่างๆ ที่สามารถมองเห็นได้บ่อยๆ ที่สำคัญคือจะต้องท่องข้อความเหล่านั้นซ้ำๆ เหมือนบทสวดมนต์ให้ขึ้นใจจนกว่าจะเกิดความเชื่อในข้อความเหล่านั้น จำไว้ว่าข้อความที่ใช้จะต้องเป็นรูปปัจจุบันกาล และคำที่ใช้ก็จะต้องเป็นคำที่สร้างทัศนคติในแง่บวก
ข้อห้า ใช้จินตนาการสร้างภาพที่ดีของตัวเอง จินตนาการว่าตัวเองกำลังมีความสุข ผ่อนคลาย นอนเล่นอยู่ริมชายหาด หรือกำลังเดินเล่น ภาพเหล่านี้มีพลังในการจูงอารมณ์และสื่อถึงความรู้สึกและทัศนคติที่แตกต่าง บอกกับตัวเองว่า “ฉันจะทำได้ดีขึ้นเรื่อยๆ ทุกวัน” พร้อมกับนึกภาพว่าทำได้อย่างนั้นจริงๆ
การควบคุมความเครียดจะช่วยให้เราได้ปรับสมดุลภายในจิตใจ เมื่อฝึกปฏิบัติตามวิธีการเหล่านี้อย่างสม่ำเสมอ ต่อไปเมื่อมีเรื่องเครียดๆ มากระทบ จิตใจของเราซึ่งมีภูมิคุ้มกันความเครียดแล้วก็จะสามารถตอบสนองต่อปัญหาต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และไม่ทำร้ายตัวเอง
โดย...มิสไอรีน
1.ผู้คนรอบข้างที่ทำให้เกิดความเครียดทางอารมณ์
2.สถานการณ์ต่างๆ ที่ทำให้เกิดความเครียดทางร่างกาย
3.รูปแบบชีวิตที่ทำให้เกิดความเครียดทางจิตใจ
เมื่อพิจารณาสาเหตุสำคัญที่ก่อเกิดความเครียดแล้ว ก็จะเห็นว่าแท้ที่จริงแล้วจิตใจนั่นเองที่เป็นรากเหง้าของความเครียด เราไม่สามารถเปลี่ยนพฤติกรรมของคนอื่นได้ ไม่สามารถเปลี่ยนเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้ และไม่สามารถเปลี่ยนสถานการณ์ที่เผชิญอยู่ได้ แต่เราสามารถเปลี่ยนทัศนคติและวิธีการตอบสนองของตัวเองต่อสิ่งนั้นๆ ได้ หารากของความเครียดให้เจอ ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกผิด ความกดดัน การถือตัวเองเป็นใหญ่ ความถือทิฐิ ความทะเยอทะยาน ความน้อยเนื้อต่ำใจ และความกลัว ทั้งหมดนี้ล้วนเกิดจากจิตใจที่ปรุงแต่งขึ้นทั้งสิ้น
ต่อไปนี้คือหลักการ 5 ในการกำจัดความเครียดออกจากจิตใจ
ข้อแรก ฝึกสร้างความสงบนิ่งขึ้นในจิตใจ ซึ่งสามารถทำได้โดยชะลอการตอบสนองของเราต่อคนรอบข้าง เหตุการณ์ หรือสถานการณ์ต่างๆ ที่ทำให้เครียด ฝึกตอบสนองต่อเรื่องต่างๆ เหล่านี้ให้ช้าลง ยกตัวอย่างเช่น เมื่อเกิดความวิตกกังวลจนอยากจะตอบสนองต่อสิ่งนั้นๆ ออกไปในทันที ให้นั่งนิ่งๆ แล้วนับ 110 สงบสติอารมณ์ และให้เวลากับตัวเองที่จะคิดพิจารณาปัญหาต่างๆ อย่างรอบคอบก่อน
ข้อสอง ฝึกปรับเปลี่ยนสิ่งร้ายๆ ต่างๆ ที่เข้ามาในชีวิต ยกตัวอย่างเช่น การเปลี่ยนทัศนคติของตนเองที่มีต่อคนที่มาทำให้เกิดความเครียด คิดเสียว่าคนที่สร้างปัญหาทำให้เรามีโอกาสได้ฝึกความอดทนอดกลั้น สิ่งนี้จะช่วยยกระดับการกำหนดรู้ทางจิตใจ สติปัญญา และจิตวิญญาณขึ้นมาพร้อมๆ กัน แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเห็นผลในทันที ทุกอย่างต้องใช้เวลา และความอดทน
ข้อสาม ฝึกวิธีผ่อนคลายทางร่างกาย เริ่มจากการฝึกหายใจเข้าออกลึกๆ ฝึกกายบริหารง่ายๆ ฝึกปฏิบัติโยคะ หรือชี่กง อย่างง่ายๆ หรือฝึกกายบริหารที่ทำให้ได้ยืดเส้นยืดสายเพื่อผ่อนคลายความเจ็บปวดเมื่อย ล้าทางร่างกาย แล้วระดับความเครียดจะลดลงไปพร้อมๆ กับร่างกายที่ผ่อนคลาย หรืออาจใช้วิธีการบำบัดเพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อรูปแบบต่างๆ เช่น การนวดตัวด้วยน้ำมันหอม การกดจุดนวดเท้า เป็นต้น เมื่อเราดูแลร่างกายแล้ว ก็เท่ากับได้ดูแลจิตใจด้วย
ข้อสี่ สร้างทัศนคติที่ดีด้วยการคิดถ้อยคำสั้นๆ ที่ทรงพลังและเป็นไปในแง่บวก เพื่อกระตุ้นความมั่นใจและกำลังใจให้เกิดขึ้นในตัว เขียนข้อความดีๆ เหล่านั้นแล้วนำไปติดไว้ตามที่ต่างๆ ที่สามารถมองเห็นได้บ่อยๆ ที่สำคัญคือจะต้องท่องข้อความเหล่านั้นซ้ำๆ เหมือนบทสวดมนต์ให้ขึ้นใจจนกว่าจะเกิดความเชื่อในข้อความเหล่านั้น จำไว้ว่าข้อความที่ใช้จะต้องเป็นรูปปัจจุบันกาล และคำที่ใช้ก็จะต้องเป็นคำที่สร้างทัศนคติในแง่บวก
ข้อห้า ใช้จินตนาการสร้างภาพที่ดีของตัวเอง จินตนาการว่าตัวเองกำลังมีความสุข ผ่อนคลาย นอนเล่นอยู่ริมชายหาด หรือกำลังเดินเล่น ภาพเหล่านี้มีพลังในการจูงอารมณ์และสื่อถึงความรู้สึกและทัศนคติที่แตกต่าง บอกกับตัวเองว่า “ฉันจะทำได้ดีขึ้นเรื่อยๆ ทุกวัน” พร้อมกับนึกภาพว่าทำได้อย่างนั้นจริงๆ
การควบคุมความเครียดจะช่วยให้เราได้ปรับสมดุลภายในจิตใจ เมื่อฝึกปฏิบัติตามวิธีการเหล่านี้อย่างสม่ำเสมอ ต่อไปเมื่อมีเรื่องเครียดๆ มากระทบ จิตใจของเราซึ่งมีภูมิคุ้มกันความเครียดแล้วก็จะสามารถตอบสนองต่อปัญหาต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และไม่ทำร้ายตัวเอง
โดย...มิสไอรีน
บ้านในฝันของ travertine เพิ่มพื้นที่ใช้สอยและการรวมพื้นที่สีเขียว
สำหรับลูกค้าบ้านหลังนี้เป็นเรื่องง่าย ตามหน้าที่เพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอยและการรวมพื้นที่สีเขียว ที่จะใช้ travertine สถาปัตยกรรม แรงบันดาลใจจากอิตาลีในเมืองเคปในระหว่างการเดินทางของเขา ดังนั้นเกินไป travertine จะแสดงบ้านหลังนี้
บ้านหลังนี้จัดเป็น 2 ช่วงตึกขนานเชื่อมต่อกันด้วยสะพานกระจก การแยกระหว่างทั้ง 2 บล็อกช่วยให้แสงธรรมชาติสามารถสตรีมลงไปที่พื้นที่ใต้ดิน ผนัง travertine หนาขนาดใหญ่วางอยู่ เพื่อจำกัดการถ่ายเทความร้อนจากดวงอาทิตย์ยามบ่ายที่รุนแรง พื้นที่อยู่อาศัยและห้องนอนมีการจัดเรียงตามยาว เพื่อใช้ประโยชน์จากการระบายอากาศธรรมชาติและกลางวัน เพื่อที่จะกระชับการใช้ที่ดินโดยไม่สิ้นสุดกับโครงสร้าง.
เรียบเรียงข้อมูล @ ฟรีแปลน
Architect: Wallflower Architecture + Design
Location: Serangoon, Singapore
Design Team: Robin Tan, Cecil Chee & Sean Zheng
Completion Date: 2011
Photographs: Jeremy San
บ้านหลังนี้จัดเป็น 2 ช่วงตึกขนานเชื่อมต่อกันด้วยสะพานกระจก การแยกระหว่างทั้ง 2 บล็อกช่วยให้แสงธรรมชาติสามารถสตรีมลงไปที่พื้นที่ใต้ดิน ผนัง travertine หนาขนาดใหญ่วางอยู่ เพื่อจำกัดการถ่ายเทความร้อนจากดวงอาทิตย์ยามบ่ายที่รุนแรง พื้นที่อยู่อาศัยและห้องนอนมีการจัดเรียงตามยาว เพื่อใช้ประโยชน์จากการระบายอากาศธรรมชาติและกลางวัน เพื่อที่จะกระชับการใช้ที่ดินโดยไม่สิ้นสุดกับโครงสร้าง.
เรียบเรียงข้อมูล @ ฟรีแปลน
Architect: Wallflower Architecture + Design
Location: Serangoon, Singapore
Design Team: Robin Tan, Cecil Chee & Sean Zheng
Completion Date: 2011
Photographs: Jeremy San
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)