AD.

-----[FreeSplanS.com]-----ศูนย์รวมแบบบ้าน และ ตกแต่ง หลากหลายสไตล์-----

วันพุธที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

Nanxiucun เป็นสถานที่คึกคักความสนิทสนมกันและบรรยากาศที่มีชีวิตชีวา

Nanxiucun เป็นสถานที่คึกคักและมีชีวิตชีวาสำหรับปัญญาชนหนุ่มสาว ที่มีความสนใจในงานวรรณกรรมศิลปะและการออกแบบ ความนิยมในพื้นที่นี้มีสาเหตุมาจากความใกล้ชิดกับมหาวิทยาลัยหนานจิงอันโด่งดัง การเติบโตของนักศึกษาชาวต่างชาติและการเพิ่มขึ้นของอิทธิพลตะวันตกและนานาชาติ เป็นย่านสร้างสรรค์ตรงกันกับการแสดงออกและการรวมตัวกัน เป็นเรื่องปกติที่ได้ยินการแลกเปลี่ยนทั้ง 'hellos' และ 'Ni Haos'.

© Jin Weijian

บรรยากาศที่มีชีวิตชีวาจะขยายไปสู่การออกแบบที่อบอุ่นของคาเฟ่ ซึ่งยังคงรักษาเสน่ห์ของโรงแรมตั้งอยู่ในอาคารอพาร์ตเมนต์มรดกแห่งยุคทศวรรษที่ 1980 ในการผสมผสานระหว่างวัสดุโบราณและวัสดุที่ทันสมัยและสุนทรียภาพในการออกแบบ Pause Cafe จะทำให้ภูมิปัญญาของเมืองเก่ามีชีวิตชีวาและยังผสมผสานกับวัฒนธรรมที่สร้างสรรค์ขึ้นอีกด้วย ผลที่ได้คือ จุดเชื่อมต่อที่มีเสน่ห์ช่วยให้ลูกค้าได้รับความรู้สึกเก่าแก่และใหม่ในการสนทนาที่เต็มไปด้วยความคิดและจินตนาการที่ไร้ขีดจำกัด.

© Jin Weijian

© Jin Weijian

© Jin Weijian

© Jin Weijian

© Jin Weijian

© Jin Weijian

© Jin Weijian

© Jin Weijian

© Jin Weijian

© Jin Weijian

© Jin Weijian

© Jin Weijian

© Jin Weijian

© Jin Weijian

© Jin Weijian

© Jin Weijian

© Jin Weijian

© Jin Weijian

© Jin Weijian

© Jin Weijian

© Jin Weijian

© Jin Weijian

© Jin Weijian

© Jin Weijian

© Jin Weijian

© Jin Weijian

© Jin Weijian

© Jin Weijian

© Jin Weijian

© Jin Weijian

© Jin Weijian

เรียบเรียงข้อมูล @ ฟรีแปลน
Architects: FANAF
Location: 21 Nanxiucun, Gulou, Nanjing, Jiangsu, China
Architect in Charge: Jin Xin
Area: 60.0 m2
Project Year: 2016
Photographs: Jin Weijian
Manufacturers: Shanghai Rongyi Metal Co. Ltd, Hangzhou Dazhuang Floor Co.

มาดู! ห้องไหนควรทาสีอะไรตามหลักวิทยาศาสตร์

มาดู! ห้องไหนควรทาสีอะไรตามหลักวิทยาศาสตร์
การเลือกสีผนังของแต่ละห้องในบ้านเรา บางครั้งก็อาจจะเกิดจากความชอบล้วน ๆ หรือรู้สึกว่าห้องนี้ทาสีนี้แล้วดูดี แต่เคยมั้ยคะที่อยู่ ๆ ไปสักพัก ทำไม๊ทำไมเวลานอนถึงนอนไม่ค่อยจะหลับเลย หรือเวลาอ่านหนังสือเรียนในห้องทำงานดันรู้สึกอยากจะหลับซะให้ได้ วันนี้เราเลยมีบทความดี ๆ ที่ได้คำแนะนำมาจากนักจิตวิทยาที่เป็นที่ปรึกษาด้านการออกแบบกับวิทยาศาสตร์มาให้ทุกคนได้อ่านกัน ไปดูดีกว่าค่ะว่าจริง ๆ แล้วแต่ละห้องควรจะทาสีไหนกันแน่
  1. ห้องนอน : โทนสีฟ้าอุ่น

สีฟ้านั้นเป็นสีที่ชวนให้เรารู้สึกถึงความสงบและการพักผ่อน โดยมันเชื่อมโยงกับธรรมชาติอย่างท้องฟ้าหรือสายน้ำ ซึ่งจากการศึกษาพบว่าคนเราจะนอนหลับได้ดีขึ้นเมื่ออยู่ในห้องที่ทาสีฟ้ามากกว่าสีอื่น ๆ นอกจากนี้มันยังเป็นสีที่ไม่สว่างหรือเข้มมากจนเกินไปด้วยค่ะ ส่วนสีที่ไม่ควรใช้เลยหากไม่อยากนอนหลับแบบไม่เป็นสุขก็คือสีม่วงนะจ๊ะ
  1. ห้องทำงาน : เขียวอ่อน ๆ

สีเขียวมีความเกี่ยวข้องกับความคิดสร้างสรรค์และยังช่วยให้จิตใจของเราจดจ่ออยู่กับงานที่ทำตรงหน้าได้ดี แล้วมันก็เป็นสีที่ทำให้เรารู้สึกถึงธรรมชาติอย่างต้นไม้ซึ่งช่วยทำให้เรามีสมองและความคิดที่ปลอดโปร่งอยู่เสมอ สีเขียวหยกอ่อน ๆ น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดเพราะมันจะได้ไม่ฉูดฉาดจนกระตุ้นเรามากเกินไปนั่นเอง และสีที่ไม่โอเคมาก ๆ ก็คือสีแดง ไม่งั้นมันจะลดประสิทธิภาพการทำงานของเราได้น้า
  1. ห้องครัว : ส้มชาเย็น

สีโทนส้มหรือแดงจะช่วยกระตุ้นความอยากอาหารของเราได้ ดังนั้นมันจึงเหมาะมากที่จะใช้กับห้องครัว อีกอย่างนะคะ การใช้สีที่สดใสในห้องนี้จะช่วยทำให้เรารู้สึกสนุกสนานและมีชีวิตชีวาขึ้นอีกด้วยเวลานั่งกินอาหารตอนเช้า ๆ แต่สีที่ไม่แนะนำนั้นคือสีเหลืองเขียวนั่นเอง เพราะมันเป็นสีที่ไม่เหมาะกับการอยู่ใกล้อาหาร จะทำให้เรารู้สึกไม่ดีซะเปล่า ๆ
  1. ห้องน้ำ/ห้องแต่งตัว : สีชมพูอ่อน

การใช้สีขาวอาจจะทำให้ห้องน้ำดูสะอาดตลอดเวลาก็จริง แต่มันก็ทำให้เรารู้สึกเบื่อและจืดชืดได้ง่าย ๆ เหมือนกัน เพราะงั้นสีชมพูอ่อนดูจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า มันเป็นสีที่เหมาะกับทุกสภาพผิวของคนเรา และยังทำให้รู้สึกอบอุ่นหลังการอาบน้ำอีกต่างหาก และห้ามใช้สีนีออนทาห้องนี้เด็ดขาดเลยนะคะ เพราะคงไม่มีใครอยากติดอยู่ในห้องเล็ก ๆ ที่มีสีสันทำร้ายสายตากันหรอกเนอะ
  1. ห้องนั่งเล่น : ทรายอบอุ่น
                                                                                                                                                                           More:
ห้องนี้เป็นห้องสำหรับการพักผ่อน ดูทีวี หรือนั่งคุยเล่นกับเพื่อน ๆ ซึ่งการใช้สีโทนอบอุ่นอย่าง สีทราย สีน้ำตาลอ่อน ๆ นั้นดูจะเหมาะสมที่สุด จะได้ช่วยให้เรารู้สึกผ่อนคลาย ให้บรรยากาศแบบเงียบ ๆ สงบ ส่วนสีที่ควรหลีกเลี่ยงก็คือสีโทนมืด ๆ เพราะมันจะทำให้รู้สึกอึมครึมและหดหู่ใจมากเกินไป

 ที่มา: purewow

6 เรื่องที่ต้องรู้เกี่ยวกับโรคแผลในกระเพาะอาหาร

6 เรื่องที่ต้องรู้เกี่ยวกับโรคแผลในกระเพาะอาหาร
                โรคแผลในกระเพาะอาหาร (Gastric ulcer) คือโรคที่มีแผลเกิดขึ้นในกระเพาะอาหาร และ/หรือ ลำไส้เล็กส่วนต้นที่เรียกว่า ดูโอดีนัม (Duodenum) ซึ่งแน่นอนว่าสามารถสร้างความทรมานให้แก่ผู้ป่วยได้อย่างไม่ต้องสงสัย ทั้งนี้เราลองมาดู 6 ความจริงเกี่ยวกับโรคแผลในกระเพาะอาหารกันดีกว่าค่ะ

1.เกิดได้กับทุกคน
                โรคแผลในกระเพาะอาหารสามารถพบได้ในทุกช่วงอายุ ตั้งแต่วัยเด็กไปจนถึงวัยผู้ใหญ่ ซึ่งในปี 2014 ชาวอเมริกันที่เป็นโรคดังกล่าวมักมีอายุอยู่ในช่วง 45-64 ปี ซึ่งถือว่ามากที่สุดเมื่อเทียบกับช่วงอายุอื่นๆ โดยสาเหตุหลักมักเกิดจากการติดเชื้อจากแบคทีเรียที่มีชื่อว่า เอช ไพโลไร (H. pylori หรือ Helicobacter pylori) อีกทั้งอาจเกิดจากผลข้างเคียงของยาต้านการอักเสบ เช่น แอสไพริน ไอบูโพรเฟน ไดโคฟีแนค ฯลฯ

2.ต้องระมัดระวังการทานอาหารมากขึ้น

            อาหารที่ผู้ป่วยโรคดังกล่าวควรหลีกเลี่ยง คือ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน อาหารที่มีไขมันสูง อาหารเผ็ด หรือบรรดาอาหารที่ทำให้กระเพาะต้องใช้เวลาในการย่อยมากขึ้น ทั้งนี้อาหารที่ควรทานในช่วงนี้ คือ อาหารที่มีรสอ่อนและสามารถย่อยได้ง่าย

3.การทานอาหารน้อยลงไม่ได้ช่วยให้อาการดีขึ้น
            บางคนอาจกลัวว่าอาหารที่ตนทานจะทำให้ร่างกายแสดงอาการบางอย่างออกมามากขึ้น จึงพยายามทานอาหารให้น้อยลง ซึ่งการปล่อยให้ท้องว่างโดยไม่มีอาหารตกถึงท้องเลยอาจทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ ดังนั้นอย่าไปกลัวการทานอาหารค่ะ แต่ให้คุณทานให้ครบมื้อตามปกติ แต่แค่ต้องหลีกเลี่ยงอาหารบางชนิดตามที่กล่าวไปข้างต้นเท่านั้นเอง

4.อย่าเครียด

                แม้ว่าความเครียดจะเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ยาก แต่หากคุณรู้ตัวว่ากำลังป่วยเป็นโรคแผลในกระเพาะอาหารอยู่ล่ะก็ คุณคงต้องต้องสลัดและจัดการกับความเครียดให้อยู่หมัดซะแล้วล่ะค่ะ เพราะความเครียดและความกังวลจะทำให้อาการของคุณแย่ลงและจะทำให้ร่างกายของคุณฟื้นตัวยากขึ้นอีกด้วย

5.ยังคงทานอาหารที่มีค่าความเป็นกรดได้
                แม้ว่าอาหารรสจัดจะเป็นอาหารที่คุณควรหลีกเลี่ยงในช่วงที่คุณป่วย ซึ่งแน่นอนว่าอาหารที่เปรี้ยวจัดอาจทำให้อาการของคุณแย่ลง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะไม่สามารถทานอาหารที่มีรสเปรี้ยวได้อีกแล้ว เพราะการทานอาหารที่ไม่ได้เปรี้ยวหรือมีค่าความเป็นกรดมากเกินไปยังพอเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ ดังนั้นคนที่ติดรสเปรี้ยวเวลาทานอาหารก็ไม่ต้องกังวลไปค่ะ

6.อย่าทานอาหารก่อนนอน

                หากใครที่ชอบทานอาหารก่อนเข้านอน ก็อาจต้องเปลี่ยนพฤติกรรมเสียใหม่ค่ะ เพราะมันจะทำให้กระเพาะหลั่งกรดออกมามากเพื่อย่อยอาหาร ซึ่งแน่นอนว่าจะทำให้คุณรู้สึกปวดท้องได้

                เป็นยังไงกันบ้างคะกับ 6 ความจริงเกี่ยวกับโรคแผลในกระเพาะอาหารที่เรานำมาฝากกัน  ทีนี้คุณคงจะรู้จักสาเหตุ และวิธีป้องกันโรคกระเพาะอาหารกันมากขึ้นแล้ว จะได้เลือกรับประทานอาหารและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่จะทำให้คุณห่างไกลจากโรคกระเพาะกันค่ะ

ที่มา: nytimes
Related Posts Plugin for WordPress, Blogger...