อย่าเสี่ยงปวดหลัง 5 ข้อควรรู้ไว้ก่อนเลือกซื้อที่นอนใหม่
อย่างที่เราทราบกันดีว่า ฟูกที่นอนนั้นมีราคาค่อนข้างสูง จึงเป็นเรื่องสำคัญที่เราควรศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนการซื้อ เพราะหากเราซื้อแบบสุ่มสี่สุ่มห้า นอกจากจะทำให้สุขภาพเสียแล้วมันก็ยังทำให้คุณเสียเงินไปอย่างเปล่าประโยชน์อีกด้วย อย่างไรก็ตาม วันนี้เราจะพาคุณไปดูว่าก่อนที่จะตัดสินใจซื้อฟูกที่นอนนั้นเราควรคำนึงถึงเรื่องอะไรบ้าง
1.ทำความรู้จักกับชนิดของฟูก
อันดับแรกคุณต้องรู้จักชนิดของฟูกที่นอนก่อนค่ะ ซึ่งมันค่อนข้างมีหลายประเภท ทั้งนี้มีฟูกสามประเภทที่คุณควรรู้จักค่ะ สำหรับฟูกชนิดแรกนั้นก็คือ ฟูกสปริงซึ่งเป็นฟูกที่มีการนำเส้นลวดมาใช้เป็นส่วนประกอบ ฟูกชนิดนี้เหมาะสำหรับเด็กหรือวัยรุ่นแต่ไม่เหมาะกับผู้สูงอายุหรือคนที่มีน้ำหนักมาก เพราะอาจทำให้เกิดอาการปวดหลังตามมา สำหรับฟูกชนิดที่สองคือ ฟูกเมมโมรี่โฟม ฟูกชนิดนี้ทำจากโพลียูรีเท็นซึ่งเป็นโฟมชนิดหนึ่ง อย่างไรก็ดี ฟูกดังกล่าวสามารถช่วยลดอาการปวดเมื่อยและเหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีแผลกดทับ สำหรับฟูกชนิดสุดท้ายที่ค่อนข้างเป็นที่นิยมก็คือ ฟูกยางพาราค่ะ โดยมันจะมีความยืดหยุ่นและไม่ทำให้รู้สึกปวดหลังแต่มักมีราคาแพง
2.คำนึงถึงความแข็งหรือนุ่ม
ฟูกที่นอนที่วางขายอยู่นั้นมีความแข็งหรือนุ่มให้เลือกแตกต่างกัน โดยขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคนค่ะว่าอยากนอนบนที่นอนที่ให้ความรู้สึกแบบใด อย่างไรก็ตาม ฟูกที่นอนที่ให้ความรู้สึกแข็งสำหรับบางคนอาจนุ่มสำหรับคนอื่นก็ได้ค่ะ ซึ่งน้ำหนักตัวก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้แต่ละคนรู้สึกถึงความนุ่มหรือแข็งต่างกัน ทั้งนี้คุณอาจต้องระวังฟูกที่นอนที่นิ่มเกินไปจนทำให้ร่างกายยวบขณะนอน เพราะมันอาจทำให้คุณรู้สึกปวดหลังได้ค่ะ
3.ทดสอบโดยการนอน
หากคุณไปห้างสรรพสินค้าหรือร้านขายเตียงที่เขาไม่มีข้อห้ามให้ลูกค้านั่งหรือนอนบนเตียง แม้ว่าคุณอาจรู้สึกอายสายตาคนมอง แต่การได้ทดลองนอนบนเตียงสักครู่นั้นจะทำให้คุณได้รู้ว่าเตียงดังกล่าวมีลักษณะตรงตามที่คุณต้องการหรือไม่ เพราะหากไม่ได้ทดสอบด้วยตัวเองแล้วคุณมาพบภายหลังการซื้อว่ามันไม่เวิร์ค คุณก็อาจเสียเงินไปโดยเปล่าประโยชน์
4.ตรวจสอบการรับประกัน
ในการเลือกซื้อฟูกที่นอนสักชิ้นนั้น นอกจากการพิจารณาถึงความนุ่มหรือแข็งที่ตรงตามความต้องการ คุณภาพของวัตถุ หรือราคาที่คุณสามารถจ่ายได้แล้วนั้น คุณควรคำนึงถึงการรับประกันภายหลังซื้อสินค้าด้วยค่ะ ซึ่งหากเป็นฟูกที่นอนที่มีราคาแพงหรือเป็นแบรนด์ดังนั้นส่วนมากจะมีการรับประกันสินค้าค่ะ โดยมันจะช่วยเซฟเงินในกระเป๋าได้ในกรณีที่ฟูกที่นอนยวบหรือมีปัญหา
5.อย่าลืมคำนึงถึงอายุการใช้งาน
The Better Sleep Council ได้แนะนำว่า เราควรเปลี่ยนฟูกที่นอนทุกๆ 7-10 ปี แต่หากคุณรู้สึกว่าฟูกที่คุณนอนอยู่ทุกคืนนั้นเป็นต้นเหตุทำให้คุณรู้สึกปวดหลังหรือรู้สึกไม่สบายตัว คุณก็ควรเปลี่ยนที่นอนก่อนครบอายุการใช้งานเพื่อสุขภาพที่ดีของตัวคุณเอง
สำหรับใครที่กำลังคิดจะเปลี่ยนฟูกที่นอนใหม่ คุณควรศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนซื้อเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาสุขภาพตามมาหรือเสียเงินไปโดยไม่ได้รับประโยชน์สูงสุดนั่นเอง
ที่มา: purewow
อย่างที่เราทราบกันดีว่า ฟูกที่นอนนั้นมีราคาค่อนข้างสูง จึงเป็นเรื่องสำคัญที่เราควรศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนการซื้อ เพราะหากเราซื้อแบบสุ่มสี่สุ่มห้า นอกจากจะทำให้สุขภาพเสียแล้วมันก็ยังทำให้คุณเสียเงินไปอย่างเปล่าประโยชน์อีกด้วย อย่างไรก็ตาม วันนี้เราจะพาคุณไปดูว่าก่อนที่จะตัดสินใจซื้อฟูกที่นอนนั้นเราควรคำนึงถึงเรื่องอะไรบ้าง
1.ทำความรู้จักกับชนิดของฟูก
อันดับแรกคุณต้องรู้จักชนิดของฟูกที่นอนก่อนค่ะ ซึ่งมันค่อนข้างมีหลายประเภท ทั้งนี้มีฟูกสามประเภทที่คุณควรรู้จักค่ะ สำหรับฟูกชนิดแรกนั้นก็คือ ฟูกสปริงซึ่งเป็นฟูกที่มีการนำเส้นลวดมาใช้เป็นส่วนประกอบ ฟูกชนิดนี้เหมาะสำหรับเด็กหรือวัยรุ่นแต่ไม่เหมาะกับผู้สูงอายุหรือคนที่มีน้ำหนักมาก เพราะอาจทำให้เกิดอาการปวดหลังตามมา สำหรับฟูกชนิดที่สองคือ ฟูกเมมโมรี่โฟม ฟูกชนิดนี้ทำจากโพลียูรีเท็นซึ่งเป็นโฟมชนิดหนึ่ง อย่างไรก็ดี ฟูกดังกล่าวสามารถช่วยลดอาการปวดเมื่อยและเหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีแผลกดทับ สำหรับฟูกชนิดสุดท้ายที่ค่อนข้างเป็นที่นิยมก็คือ ฟูกยางพาราค่ะ โดยมันจะมีความยืดหยุ่นและไม่ทำให้รู้สึกปวดหลังแต่มักมีราคาแพง
2.คำนึงถึงความแข็งหรือนุ่ม
ฟูกที่นอนที่วางขายอยู่นั้นมีความแข็งหรือนุ่มให้เลือกแตกต่างกัน โดยขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคนค่ะว่าอยากนอนบนที่นอนที่ให้ความรู้สึกแบบใด อย่างไรก็ตาม ฟูกที่นอนที่ให้ความรู้สึกแข็งสำหรับบางคนอาจนุ่มสำหรับคนอื่นก็ได้ค่ะ ซึ่งน้ำหนักตัวก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้แต่ละคนรู้สึกถึงความนุ่มหรือแข็งต่างกัน ทั้งนี้คุณอาจต้องระวังฟูกที่นอนที่นิ่มเกินไปจนทำให้ร่างกายยวบขณะนอน เพราะมันอาจทำให้คุณรู้สึกปวดหลังได้ค่ะ
3.ทดสอบโดยการนอน
หากคุณไปห้างสรรพสินค้าหรือร้านขายเตียงที่เขาไม่มีข้อห้ามให้ลูกค้านั่งหรือนอนบนเตียง แม้ว่าคุณอาจรู้สึกอายสายตาคนมอง แต่การได้ทดลองนอนบนเตียงสักครู่นั้นจะทำให้คุณได้รู้ว่าเตียงดังกล่าวมีลักษณะตรงตามที่คุณต้องการหรือไม่ เพราะหากไม่ได้ทดสอบด้วยตัวเองแล้วคุณมาพบภายหลังการซื้อว่ามันไม่เวิร์ค คุณก็อาจเสียเงินไปโดยเปล่าประโยชน์
4.ตรวจสอบการรับประกัน
ในการเลือกซื้อฟูกที่นอนสักชิ้นนั้น นอกจากการพิจารณาถึงความนุ่มหรือแข็งที่ตรงตามความต้องการ คุณภาพของวัตถุ หรือราคาที่คุณสามารถจ่ายได้แล้วนั้น คุณควรคำนึงถึงการรับประกันภายหลังซื้อสินค้าด้วยค่ะ ซึ่งหากเป็นฟูกที่นอนที่มีราคาแพงหรือเป็นแบรนด์ดังนั้นส่วนมากจะมีการรับประกันสินค้าค่ะ โดยมันจะช่วยเซฟเงินในกระเป๋าได้ในกรณีที่ฟูกที่นอนยวบหรือมีปัญหา
5.อย่าลืมคำนึงถึงอายุการใช้งาน
The Better Sleep Council ได้แนะนำว่า เราควรเปลี่ยนฟูกที่นอนทุกๆ 7-10 ปี แต่หากคุณรู้สึกว่าฟูกที่คุณนอนอยู่ทุกคืนนั้นเป็นต้นเหตุทำให้คุณรู้สึกปวดหลังหรือรู้สึกไม่สบายตัว คุณก็ควรเปลี่ยนที่นอนก่อนครบอายุการใช้งานเพื่อสุขภาพที่ดีของตัวคุณเอง
สำหรับใครที่กำลังคิดจะเปลี่ยนฟูกที่นอนใหม่ คุณควรศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนซื้อเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาสุขภาพตามมาหรือเสียเงินไปโดยไม่ได้รับประโยชน์สูงสุดนั่นเอง
ที่มา: purewow
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น